Search
Close this search box.

4 เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเปลี่ยนมาใช้ระบบ Fediverse แทน Facebook

This post is also available in: อังกฤษ

บทความนี้เป็นตอนที่ 2 ของซีรี่ย์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับภูมิทัศน์ของโซเชียลมีเดีย (social media) หรือเครือข่ายสังคมในปัจจุบันและการมองหาทางเลือกอื่นที่นอกเหนือจากแพลตฟอร์มต่างๆของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความแรก คุณสามารถอ่าน บทความที่ 1 ได้ที่นี่ และหากอ่านมาจนถึงบทความตอนนี้แล้ว สามารถตามอ่าน บทความที่ 3 ได้

3D visualization of a proposed Fediverse logo. Image via Wikimedia Commons by Eukombos. CC BY-SA 4.0.
3D visualization of a proposed Fediverse logo. Image via Wikimedia Commons by Eukombos. CC BY-SA 4.0.

ในบทความที่แล้ว ผู้เขียนได้กล่าวไปแล้วว่า Facebook จะไม่เปลี่ยนแปลง[นโยบายธุรกิจของตนเอง] ถึงแม้ว่าจะมีปัญหามากมาย ทั้งที่เกี่ยวกับสิทธิดิจิทัลโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไป แต่แล้วเรามีสื่อทางเลือกอะไรให้เลือกบ้าง? ดูเหมือนว่าจะมีเพียง Twitter ที่ต่อต้านการบิดเบือนข้อมูลและการสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผ่านการออกมาเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ จัดการกับปัญหาเหล่านี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว Twitter และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัทอื่น ๆ ยังคงมีปัญหาแบบเดียวกันกับที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆของ Facebook อยู่ดี ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับ Fediverse

“Fediverse เป็นคำผสมที่เชื่อมคำว่า ‘federation’ เข้ากับคำว่า ‘universe’ ซึ่งหมายถึง การสื่อสารออนไลน์ที่ส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนบุคคลหรือชุมชนที่ทำงานโดยเชื่อมต่อกันผ่านระบบ Fediverse ซึ่งได้รับการนำมาใช้ในการผลิตการสื่อสารแบบกระจายอำนาจ (decentralised) ในหลากหลายรูปแบบบนเว็บ ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย, microblogging (คือ การเขียนและโพสต์ blog แบบสั้นๆ), แบบ blogging (หมายถึง การเขียนและโพสต์ blog แบบยาวขึ้น), หรือ แบบ websites ต่างๆ”

ในบทความนี้ ผู้เขียนจะกล่าวถึงเหตุผล 4 ข้อว่าทำไม แพลตฟอร์ม Fediverse จึงดีกว่า Facebook ในแง่ของวิธีที่ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มพยายามทำงานตอบโจทย์เกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่มาจากโซเชียลมีเดียของบริษัทหลายแห่ง รวมทั้งเหตุผลว่าทำไมเราถึงสนับสนุนให้ทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่เบื่อหน่ายกับกับปัญหาบน Facebook พิจารณาการย้ายแพลตฟอร์ม ดังนั้น บทความนี้ตั้งใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การแนะนำแพลตฟอร์มที่เป็นทางเลือกใหม่ นั่นคือ Mastodon — ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งของ Fediverse ที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเข้าสู่ Fediverse โดยแพลตฟอร์มใดก็ตาม ก็ล้วนไม่แตกต่างกันมากนัก

เหตุผลที่ 1: แพลตฟอร์มของระบบ Fediverse สร้างพื้นที่การเชื่อมโยงต่อทางดิจิทัลถึงกันได้

Fediverse จึงเป็นระบบเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางที่ใช้สำหรับการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บ

เพื่อให้เข้าใจแนวคิดของการควบรวม (federation) ผู้เขียนพบว่าอีเมลคือตัวอย่างชัดเจนที่สุด ไม่ว่าคุณจะเปิดใช้บัญชีอีเมลจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆบริษัทไหน เช่น Gmail, Outlook, Yahoo Mail หรือ Apple Mail หรือไม่ว่าบัญชีอีเมลเหล่านี้จะเป็นบัญชีอีเมลที่ทำงาน หรือที่เป็นบัญชีอีเมลส่วนตัว หรือบัญชีประเภทอื่น ๆ สิ่งที่ควรรู้คือ คุณสามารถส่งอีเมลถึงบุคคลใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีอีเมลประเภทใด หรืออยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากกรณีของโซเชียลมีเดียยอดนิยมทั้งหลายนั้น เพราะปกติแล้วคุณไม่สามารถกด Like บนโพสต์ Tweet ผ่านบัญชี Facebook ของคุณได้ คุณไม่สามารถแสดงความคิดเห็นบนวิดีโอ YouTube โดยใช้บัญชี Instagram ของคุณได้ คุณไม่สามารถติดตามบัญชีบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยใช้ Pinterest หรือ LinkedIn ของคุณ และอื่นๆ อีกมากมาย.

แนวคิดแบบ Federation คือการที่แพลตฟอร์มอย่าง Fediverse (แพลตฟอร์มที่รวมเอาการเชื่อมต่อของเซิร์ฟเวอร์ต่างๆที่ใช้ในการเผยแพร่เว็บไซต์เข้าด้วยกัน) สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ในวิธีเหล่านี้ หากคุณสร้างบัญชีผู้ใช้ Mastodon (ทางเลือก Fediverse ของ Twitter) คุณสามารถกดไลค์โพสต์ใน Friendica (ทางเลือก Fediverse ของ Facebook) และด้วยบัญชีผู้ใช้ Mastodon เดียวกันนั้น คุณสามารถติดตามบัญชีผู้ใช้อื่นๆ และดูวิดิโอบน PeerTube (ทางเลือกของ Youtube) และติดตามบัญชีผู้ใช้เพื่อดูภาพต่างๆบน Pixelfed (ทางเลือกของ Instagram)

เหตุผลที่ 2: แพลตฟอร์มที่สร้างบนระบบ Fediverse มีความโปร่งใสมากกว่า

Facebook ได้ให้สัญญากับพวกเราว่าจะปรับปรุงแนวนโยบาย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลหรือไม่ เนื่องจากซอฟต์แวร์ที่ Facebook ใช้ไม่ได้เป็น ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์แบบปิด คือนักพัฒนาไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เช่นอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทนั้นที่จะทำอะไรได้บ้าง และข้อมูลใดบ้างที่ถูกเก็บไว้ในระบบ (รวมถึงบริษัทจะทำอะไรกับข้อมูลที่เก็บไปนั้นในท้ายที่สุด) เนื่องจาก Fediverse เป็นแพลตฟอร์มฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์ส (free and open-source software หรือ FOSS) ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Mastodon ก็จะมีการแสดงแหล่งที่มาของโค้ดคอมพิวเตอร์ที่สามารถให้บุคคลสาธารณะเข้าใจและตรวจสอบได้ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นภายใต้ความไม่โปร่งใสโดยปราศจากการใช้ วิศวกรรมย้อนกลับ (reverse engineering)(ผู้แปลอธิบายเพิ่มเติม: ซึ่งหมายถึง การแยกแยะอย่างละเอียดของโค้ดคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เพื่อหาความหมายของโค้ดนั้น ๆ ว่ามีการทำงานและเชื่อมโยงกันอย่างไร เพื่อมุ่งแก้ไขจุดผิดของโค้ด และยังช่วยพัฒนาโปรแกรมใหม่ ๆ ได้อีกด้วย)

เหตุผลที่ 3: แพลตฟอร์มที่สร้างบนระบบ Fediverse นั้นฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า

แม้ว่าผู้ใช้บริการ Facebook จะไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน แต่พวกเขากำลังจ่ายด้วยข้อมูลของตนเองแท้ที่จริงแล้ว ตามที่ Douglas Rushkoff นักทฤษฎีสื่อได้กล่าวเอาไว้ว่า “เราไม่ใช่ลูกค้าของ Facebook ทว่าเราคือผลิตภัณฑ์” เขายังเขียนเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า:

“คุณลองถามตัวเองสิว่า ใครจ่ายเงินให้ Facebook ซึ่งโดยปกติคนที่จ่ายเงินถือว่าเป็นลูกค้า ส่วนบริษัทโฆษณาต่างๆ คือกลุ่มที่จ่ายเงิน หากคุณไม่รู้ว่าใครคือลูกค้าของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังใช้อยู่ ดังนั้นคุณก็จะไม่รู้หรอกว่าผลิตภัณฑ์นี้มีไว้เพื่ออะไร หากเราไม่ใช่ลูกค้าของ Facebook ฉะนั้น เราคือผลิตภัณฑ์ของ Facebook และ Facebook กำลังขาย[ข้อมูลของ]ตัวเราให้กับบริษัทโฆษณาทั้งหลาย”

เนื่องจากแพลตฟอร์มต่างๆ ที่สร้างบนระบบ Fediverse ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อการลงโฆษณา จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อัลกอริทึมที่ชักจูงและสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้คุณใช้เวลาบนแพลตฟอร์มนั้นๆให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ รวมทั้งการใช้วิธีการโปรโมตเนื้อหาที่บิดเบือน การก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดเห็นและแบ่งออกเป็นสองขั้ว ไปจนถึงการทำให้ผู้ใช้กลายมาเป็นพวกสุดโต่งทางความคิด แพลตฟอร์มที่อยู่ในระบบ Fediverse นั้นไม่จำเป็นต้องใช้การโฆษณาที่มุ่งเป้าไปยังผู้ใช้ อันเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญต่อการสอดส่องบนโลกออนไลน์ภายใต้ระบบทุนนิยม

เหตุผลที่ 4: แพลตฟอร์ม Fediverse มีการกระจายอำนาจ

ดังที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ ถึงปัญหาหลักอย่างหนึ่งของ Facebook คือ อำนาจในการเปลี่ยนแปลงนโยบายธุรกิจนั้นตกอยู่ในมือของ Mark Zuckerberg และผู้มีอิทธิพลเพียงไม่กี่คน

Mosaic of the fediverse logo with the icons of the different projects. Image via Wikimedia Commons by Tobias Buckdahn. BY SA 4.0
Mosaic of the fediverse logo with the icons of the different projects. Image via Wikimedia Commons by Tobias Buckdahn. BY SA 4.0

หากคุณไม่พอใจกับ social network อย่าง Mastodon ที่คุณใช้งานอยู่ คุณมีทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมายเนื่องจากแพลตฟอร์ม Fediverse มีการแยกกระจายข้อมูลออกจากระบบศูนย์กลาง (แต่เชื่อมต่อถึงกัน) คุณสามารถลองใช้ social network อื่นๆบนแพลตฟอร์ม Fediverse ที่มีโอกาสจะได้พบเจอกับชุมชนที่มีผู้ใช้คนอื่นๆ ที่มีความคิดแบบเดียวกัน หรือ moderators ที่มีปฏิสัมพันธ์กับคุณมากกว่า ถ้าเทียบกับ moderators ที่พัฒนาบน AI เทคโนโลยีอย่างไม่ระมัดระวัง หากคุณไม่พอใจกับ social networkใด ๆ เลยที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม Fediverse คุณสามารถสร้าง social network ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม Fediverse ด้วยตัวคุณเอง คุณยังสามารถสร้างการพัฒนา fork แยกต่างหากออกมา และเพิ่ม features ที่คุณชอบหรือลบออกที่คุณไม่ไม่พอใจ (แต่ว่าทางเลือกนี้อาจทำให้เกิดปัญหาภายในตัวของมันเอง) และถ้าหากคุณไม่ชอบ Mastodon เลย คุณยังคงสามารถติดต่อกับทุกคนที่คุณมี contact ด้วยบนแพลตฟอร์ม Fediverse โดยเพียงแค่สร้างบัญชีบน social network ต่างๆบน Fediverse เรายังสามารถเข้าหานักพัฒนาระบบที่อยู่เบื้องหลังการสร้าง Fediverse ได้มากกว่า Mark Zuckerberg (และผู้บริหารคนอื่น ๆ ของบริษัทยักษ์ใหญ่) ทั้งนี้เพราะว่า โดยปกติแล้วนักพัฒนาระบบ Fediverse จะทำงานบนแพลตฟอร์มของตนและ (โดยปกติ) จะรับฟังความคิดจากชุมชนผู้ใช้และผู้ร่วมให้ข้อมูลของตน สิ่งที่สำคัญนั่นคือ อำนาจในการมีอิทธิพลต่อ Fediverse ไม่ได้ถูกผูกขาดโดยคนเพียงคนเดียว (หรือกลุ่มคน อย่างที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่)

เนื่องจากระบบ Fediverse มีความโปร่งใส ทำให้ติดต่อเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างสะดวก มีอิสระเสรี และกระจายอำนาจมากขึ้น จึงมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นไปด้วย ดังนั้น ค่านิยมเหล่านี้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัทเทคโนโลยีได้สร้างผลกระทบที่เป็นลบ (และยังคงดำเนินต่อไป) ต่อประชาธิปไตย

ก้าวต่อไปคืออะไร?

ในขณะที่ผู้เขียนได้สรุปเหตุผลสี่ประการเกี่ยวกับการเปลี่ยนมาใช้ Fediverse แต่ในขณะนี้ได้มีการกล่าวซ้ำ ๆ อีกว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถใช้ระบบนี้ได้ สำหรับผู้ที่สามารถใช้ทางเลือกนี้ได้ ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มันดูจะเป็นหน้าที่ที่ดูมีความท้าทาย ถึง Facebook จะได้ทำให้ผู้ใช้เลิกใช้ Facebook ได้ยากมาก ถึงกระนั้น คนอื่น ๆ ก็ได้เลิกใช้ Facebook ไปแล้วและอีกหลาย ๆ คนก็กำลังตามกันมา อย่างน้อยที่สุดบทความนี้อยากชวนให้คุณมีความสนใจมากขึ้นในการสื่อสารระบบ Fediverse ขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นการนำคุณเข้าสู่การทำความเข้าในเกี่ยวกับระบบของ Fediverse รวมทั้งการแนะนำถึงการสร้างบัญชีต่างๆ บนระบบ Fediverse:

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ระบบ Fediverse ก็ ไม่ได้ปราศจากข้อบกพร่องโดยเฉพาะเมื่อมันยังคงอยู่ภายในระบบนิเวศทางดิจิทัลในปัจจุบัน

บทความที่ 3 ของซีรี่ส์นี้ จะสรุปข้อจำกัดบางประการและความท้าทายในการใช้ระบบ Fediverse และเครื่องมือต่างๆที่พัฒนาจากกลุ่มเคลื่อนไหว FOSS และทำอย่างไรที่เราจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาได้”

เกี่ยวกับผู้เขียน

Red Tani ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง Advocacy and Communications Director ขององค์กร EngageMedia Red เน้นทำงานรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านการเล่าเรื่องด้วยวิดีโอ เครื่องมือออนไลน์ เทคโนโลยีที่ทั้งฟรี ปลอดภัย และตั้งอยู่บนหลักจริยธรรม